Thailand Saxophone Association Showcase In Chiang Rai
สามาคมแซ็กโซโฟนแห่งประเทศไทยได้มีการจัดการอบรมเชิงปฎิบัติการ เกี่ยวกับแซ็กโซโฟน Saxophone Association Thailand showcase in Chiang Rai
มักจะมีคำถามอยู่เสมอว่า ดนตรีแจ๊สนั้นเป็นอย่างไร? คำถามนี้เหมือนเป็นคำถามโลกแตก
คำตอบที่ได้นั้นมีหลากหลายแล้วแต่มุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน ผู้ฟังบางกลุ่มก็บอกว่าเป็นดนตรีที่ฟังสบาย ๆ ชิว ๆ เหมือนอยู่ทะเล บรรยากาศโรแมนติก แต่ในทางตรงข้ามผู้ฟังบางกลุ่มอาจจะบอกว่าดนตรีอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง ฟังแล้วปวดหัว บางคนอาจจะกล่าวว่าเป็นดนตรีที่มีความอิสระในการบรรเลง นักดนตรีจะสามารถบรรเลงโดยการ ใช้อารมณ์และความรู้สึกของตนเอง แต่บางคนอาจจะกล่าวว่าการบรรเลงดนตรีแจ๊สนั้นยากมาก ดนตรีอะไรก็ไม่รู้ทำไมมีคอร์ด (Chord) ประหลาดเยอะแยะไปหมด ฯลฯ ดังที่ หลุย อาร์มสตรอง (Louis Armstrong ค.ศ. 1901-1971) นักทรัมเป็ตแจ๊สคนสำคัญได้กล่าวไว้ว่า “Man, if you have to ask what jazz is, you’ll never know.” เมื่อพี่ใหญ่ของวงการกล่าวแบบนี้ พวกเราจะว่าอย่างไร … ผู้เขียนขอแนะนำให้ผู้อ่านลองพิจารณาและถามตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้ฟังทราบว่าบทเพลงที่กำลังฟังอยู่นี้เรียกว่าดนตรีแจ๊ส” ดนตรีแจ๊สควรจะประกอบด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง
สรุปดนตรีแจ๊สคืออะไร ผู้เขียนมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับหลุย อาร์มสตรองที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น เพราะดนตรีแจ๊สเป็นเรื่องความรู้สึก ถึงแม้จะเป็นบทเพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้อง ดนตรีแจ๊สกลับเป็นดนตรีที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราว แสดงออกถึงประสบการณ์ชีวิต ลักษณะท่าทาง อุปนิสัย และรสนิยมของผู้บรรเลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฉะนั้น เมื่อถามว่าดนตรีแจ๊สเป็นอย่างไร จึงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือได้ องค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ฟังสามารถพิจารณาได้ว่าดนตรีที่ตนเองได้ยินนั้นเรียกว่าดนตรีแจ๊สหรือไม่ สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ผู้เขียนมองว่าดนตรีแจ๊สเป็นดนตรีที่เหมาะสำหรับการผสมผสาน เราสามารถเรียกดนตรีทุกประเภทว่าแจ๊สได้ หากดนตรีนั้นมีการอิมโพรไวส์เป็นองค์ประกอบหลัก ในหลายครั้งผู้เขียนมักจะถูกถามว่า ดนตรีแบบนี้เรียกว่าอะไร? เพลงนี้เป็นแจ๊สหรือเปล่า? เล่นแบบนี้เป็นแจ๊สแนวไหน?
ผู้เขียนมักจะยิ้มแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร หลายครั้งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าเราไม่มีความจำเป็นจะต้องไปจำแนกประเภทดนตรี จะเรียกชื่อดนตรีแนวอะไรก็ไม่สำคัญ เพราะอย่างไรดนตรีก็คือดนตรี เมื่อดนตรีคือเสียง ฉะนั้นเสียงก็คือดนตรี เราจะเรียกว่าอะไรนั้นก็เป็นเพียงชื่อสมมุติเท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ดนตรีแจ๊สมีความแตกต่างจากดนตรีประเภทอย่างเห็นได้ชัดก็คือ การใช้สุ้มเสียงหรือสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ของนักดนตรีแต่ละคน การผลิตเสียงของดนตรีแจ๊สไม่มีการตั้งมาตรฐานว่าเสียงลักษณะใดเป็นเสียงที่ดี นักดนตรีแจ๊สสามารถสร้างสรรค์เสียงของตนเองได้โดยไม่มีข้อจำกัด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล อีกทั้งดนตรีแจ๊สก็ไม่มีข้อจำกัดทางเครื่องดนตรี ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว มีแต่กฎเฉพาะตัว เฉพาะบุคคล สำหรับเรื่องการใช้เสียงประสานดนตรีแจ๊ส รูปแบบสังคีตลักษณ์และโครงสร้างของดนตรีแจ๊ส เป็นสิ่งที่ดนตรีแจ๊สไม่ได้คิดค้นขึ้นมาเอง ดนตรีแจ๊สไม่ได้คิดค้นทฤษฎีหรือหลักการประสานเสียงของตนเอง เมื่อศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์จะทราบว่า ดนตรีแจ๊สกำเนิดมาจากชาวแอฟฟริกันที่เป็นทาส พวกเขาเหล่านั้นจะมีองค์ความรู้สร้างสรรค์ทฤษฎีดนตรีใหม่ได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พวกเขานำทฤษฎีดนตรีตะวันตกมาประยุกต์ใช้ ซึ่งทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างและเหมาะสมกับการบรรเลงของตนเอง ฉะนั้น การสร้างเสียงประสานที่ทำให้เกิดเสียงที่แปลกหู จึงเป็นสิ่งที่ผู้ฟังมักจะได้ยินจากการฟังดนตรีแจ๊สอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยรังสิต https://www2.rsu.ac.th/sarnrangsit-online-detail/Lifestyle_JazzAjKook